Blog

  • KUBET – ข่าวช็อก..อ.ตุล คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง หรือ เชฟหมี ครัวกากๆ เสียชีวิตแล้ว

    ข่าวช็อก..สิ้น เชฟหมี ครัวกากๆ หรือ อ.ตุล คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง เพิ่งเปิดร้านอาหารใหม่เมื่อไม่นาน

    นับเป็นข่าวช็อกทั้งโซเชียล และเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในแวดวงนักวิชาการ รวมทั้งแวดวงอาหาร หลัง นายวิจักขณ์ พานิช นักวิชาการด้านศาสนา เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแจ้งข่าวการเสียชีวิตของ ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุว่า

    “ตุล – อ.ตุล คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

    ผู้เป็นที่รักของทุกคนจากไปอย่างสงบ เมื่อ 20.51 ของวันนี้ (8 กุมภาพันธ์ 2568)

    ญาติจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดที่ จ.ระนอง รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

    สิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกท่านสามารถทำได้เมื่อได้รับทราบข่าวนี้ คือ ร่วมภาวนาส่ง อ.ตุล จากที่ใดก็ได้ ร่วมส่งกัลยาณมิตรอันประเสริฐสู่ดินแดนสุขาวดีร่วมกัน”

    สำหรับ อ.ตุล ผศ.คมกฤช โด่งดังเป็นที่รู้จักในชื่อ “เชฟหมี ครัวกากๆ” จากการทำคลิปเผยแพร่ทางช่องยูทูป ในรายการ ‘ครัวกากๆ’ ด้วยลีลาเฉพาะตัว ก่อนที่จะทำให้แฟนๆ ที่ติดตาม อึ้งภายหลัง เพราะมารู้ว่า อ.ตุล แท้จริงเป็นอาจารย์ และเป็นนักวิชาการ ที่มีผลงานวิชาการที่มีชื่อเสียง อาทิ ผี พราหมณ์ พุทธ ในศาสนาไทย รวมถึงเขียนคอลัมน์ประจำในนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ในคอลัมน์ ผี พราหมณ์ พุทธ

    ที่น่าใจหายยิ่งกว่านั้น คือ อ.ตุล เพิ่งจะเปิดกิจการร้านอาหาร “ครัวระนอง” ไปไม่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ย่านบางขุนนนท์

     

  • KUBET – “ฟลามินี” แข้งรวยสุดอันดับ 2 ของโลก “CR7, เมสซี, เบ็คแฮม” เอามารวมกันยังเทียบไม่ติด!

    ธุรกิจฟุตบอลเฟื่องฟูมานานหลายทศวรรษ ถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมและมีผู้เล่นมากที่สุดในโลก มีการลงทุนมากมายจนเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการยกระดับของซาอุดี โปร ลีก ในช่วง 2-3 ปีหลัง ที่พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยให้ผู้เล่นมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งทำให้วงการลูกหนังโลกสั่นสะเทือนขึ้นไปอีก

    อย่างไรก็ตาม สำหรับนักฟุตบอลแล้ว ยังมีขุมทรัพย์อีกมากมายที่ได้มานอกสนาม หลายคนได้ใช้ความสามารถด้านกีฬามาช่วยตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาด ในปัจจุบันนักฟุตบอลจำนวนไม่น้อยที่ผันตัวมาเป็น นักธุรกิจ, ผู้ประกอบการ หลังจากที่พวกเขาเลิกเล่น จนเรียกได้ว่า การทำเงินไม่ได้จบลงตอนที่แขวนสตั๊ดเสมอไป
    gettyimages-500064120ชื่อของ มาติเยอ ฟลามินี อดีตกองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ถูกยกมาพูดถึงอีกครั้งแม้เจ้าตัวจะแขวนสตั๊ดไปตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันในวัยย่าง 41 ปี เขาได้ชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลที่รวยที่สุดอันดับ 2 ของโลก มีทรัพย์สินมากกว่า คริสเตียโน โรนัลโด และ ลิโอเนล เมสซี หรือแม้แต่ เดวิด เบ็คแฮม เอามากองรวมกันเสียอีก!

    ในฐานะนักฟุตบอล ฟลามินี ก็ถือเป็นมิดฟิลด์ชื่อดังคนนึงของวงการ เมื่อเคยสังกัดทีมดังอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย, อาร์เซนอล, เอซี มิลาน รวมถึงติดทีมชาติฝรั่งเศสอีก 3 นัด แต่ค่าเหนื่อยตอนค้าแข้งนั้นเทียบไม่ได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยวกับเงินที่เขาหาได้จากการทำธุรกิจของเขา
    gettyimages-1347969802-594x59น้อยคนจะรู้ว่า ฟลามินี คือผู้ก่อตั้งร่วมและซีอีโอของบริษัท GF Biochemicals ซึ่งเป็นบริษัทแรกในโลกที่สามารถผลิต กรดเลวูลินิก (levulinic acid) สารทดแทนปิโตรเลียมจากชีวภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน สารชนิดนี้สามารถใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลในผลิตภัณฑ์ เช่น พลาสติกและผงซักฟอกได้ ซึ่งบริษัทของเขาถือเป็นเจ้าตลาดในแวดวงอุตสาหกรรมนี้และสามารถทำกำไรได้มหาศาลทุกปี

    ตามรายงานของ esquire ระบุว่า ฟลามินี มีเงินสดและทรัพย์สินอยู่ที่ 21,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7.4 แสนล้านบาท ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 2 ของโลกในแวดวงนักฟุตบอล (รวมหมดทั้งที่ยังเล่นอยู่และเลิกไปแล้ว) เป็นรองเพียงแค่อันดับ 1 อย่าง เจ้าชายฟาอิก โบลเกียห์ เชื้อพระวงศ์ชาวบรูไน ที่ปัจจุบันเล่นให้กับ ราชบุรี เอฟซี ที่มีทรัพย์สินอยู่ที่ 31,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท
    mathieuflamini_1738983506299ส่วนอันดับ 3-5 นั้น ได้แก่ คริสเตียโน โรนัลโด 780 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26,400 ล้านบาท), เดวิด เบ็คแฮม 630 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,400 ล้านบาท) และ ลิโอเนล เมสซี 625 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,000 ล้านบาท)

    “สมัยเด็ก ผมมีความหลงใหล 2 อย่าง คือ ฟุตบอล และ ธรรมชาติ ผมเกิดและเติบโตในเมืองมาร์กเซยที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”

    “น้อยคนจะรู้ว่า ผมตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับพลาสติกในมหาสมุทรและมลพิษทางเคมีตั้งแต่ยังเด็กมากๆ” ฟลามินี กล่าว

  • KUBET – ชายแค่เจ็บคอ ช็อกกลายเป็น “มะเร็ง” ระยะสุดท้าย โกรธจัดโยน “2 ต้นเหตุ” ในครัวทิ้ง!!!

    ชายคิดว่าแค่ปวดคอเพราะพูดเยอะ ไปหาหมอถึงกับช็อก ตรวจเจอมะเร็งกระเพาะระยะสุดท้าย ต้นเหตุคืออาหาร 2 อย่างที่อยู่ในครัว

    ชายชื่อ “จาง” อายุ 63 ปี จากไต้หวัน มีอาการเจ็บคอ เจ้าตัวคาดว่าน่าจะมาจากการพูดเยอะตามอาชีพของเขา หรือจากอากาศที่เย็นลง แต่เมื่ออาการเริ่มรุนแรงขึ้นจนทำให้เขากินอาหารลำบากและน้ำหนักลดมาก เขาจึงตัดสินใจไปหาหมอ

    ในตอนแรกเขาไปพบแพทย์ที่แผนกหูคอจมูก แต่แพทย์สงสัยและส่งต่อเขาไปที่แผนกทางเดินอาหาร  หลังจากตรวจสอบจึงพบว่าอาการปวดคอที่เขาคิดว่าเป็นผลจากการพูดเยอะ แท้จริงกลายเป็นอาการของมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ที่มีการแพร่กระจายไปหลายส่วนแล้ว

    เมื่อได้รับข่าวร้าย เขาตกใจมากจนไม่อยากเชื่อว่าการวินิจฉัยของแพทย์จะถูกต้อง จนกระทั่งได้ฟังคำอธิบายอย่างละเอียดเขาถึงได้ยอมรับ และกลับบ้านโยน “เกลือและผักดอง” ทิ้งจากห้องครัวทันที เนื่องจากอาหารเหล่านี้เป็นสาเหตุของโรคร้ายที่กำลังเผชิญ

    แพทย์อธิบายว่า การกินเกลือและผักดองมากเกินไป เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร โดยการรับประทานเกลือในปริมาณมาก จะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและอาจกลายเป็นมะเร็งได้นอกจากนี้ การรับประทานผักดองที่ยังไม่หมักอย่างเหมาะสม ก็ทำให้เกิดสารเคมีที่ก่อมะเร็งที่เรียกว่า “ไนโตรซามีน”

    ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ควรระวังอาการต่างๆ เช่น เจ็บท้องส่วนบน คลื่นไส้ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ท้องอืด การถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ มีกลิ่นปากผิดปกติ หากพบอาการเหล่านี้ ควรไปพบหมอเพื่อการตรวจสอบทันที

  • KUBET – สาวอายุไม่ถึง 30 ป่วยมะเร็ง ผลตรวจในร่างกายเต็มไปด้วย “พลาสติก” สะสมจากการใช้ชีวิต

    สาวอายุไม่ถึง 30 ป่วยมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ผลตรวจในร่างกายมีแต่ “ไมโครพลาสติก” จากการใช้ชีวิต

    ดร.หลิว โปเริน (Liu Boren) เป็นแพทย์ด้านโภชนาการจากไต้หวัน เตือนว่า มีสิ่งของรอบตัวเราจำนวนมากที่อาจปล่อยสารพลาสติกและไมโครพลาสติกออกมาเมื่อใช้งาน โดยเฉพาะในกระบวนการรับประทานและปรุงอาหาร เขายกตัวอย่างกรณีผู้ป่วยหญิงวัยเกือบ 30 ปีที่ตรวจพบมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้ภาชนะที่ปล่อยไมโครพลาสติกและสารพลาสติกเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบได้ทั่วไป

    หญิงสาวรายนี้มาพบแพทย์เนื่องจากมีอาการปวดท้องเรื้อรังและประจำเดือนผิดปกติ เมื่อตรวจวิเคราะห์ ทีมแพทย์พบระดับไมโครพลาสติกและสารพลาสติกในร่างกายสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกระยะท้าย ขณะที่กำลังวางแผนแต่งงาน

    พฤติกรรมเสี่ยงของผู้ป่วย เมื่อสอบถามรายละเอียด พบว่าเธอมักใช้ภาชนะที่ปล่อยสารอันตรายออกมา เช่น

    • ใส่ซุปและก๋วยเตี๋ยวร้อนในถุงพลาสติกและกล่องโฟม
    • ใส่อาหารกลางวันในกล่องพลาสติกใช้แล้วทิ้งคุณภาพต่ำ
    • ดื่มกาแฟร้อนจากแก้วพลาสติกทุกวัน
    • สัมผัสกับกระดาษใบเสร็จรับเงินที่มีสารพลาสติกเป็นประจำจากงานที่ทำ

    ไมโครพลาสติกและสารพลาสติกก่อมะเร็งได้อย่างไร?

    ดร.หลิว อธิบายว่า

    • ไมโครพลาสติก (Microplastic) คือเศษพลาสติกขนาดเล็กไม่เกิน 5 มม. ที่เกิดจากการแตกตัวของผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น ถุงพลาสติก ขวดน้ำ และกล่องโฟม
    • สารพลาสติก (Plasticizers) เช่น BPA (Bisphenol A) และ Phthalates เป็นสารเติมแต่งที่ช่วยให้พลาสติกมีความยืดหยุ่นและทนทาน พบได้ในถุงพลาสติก ขวดน้ำ กล่องโฟม และกระดาษใบเสร็จรับเงิน

    ทั้งสองสารนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านอาหาร น้ำดื่ม การสูดดม หรือดูดซึมทางผิวหนัง โดยเฉพาะเมื่อใช้ภาชนะที่มีไมโครพลาสติกและสารพลาสติกใส่อาหารร้อน อาหารที่มีไขมัน หรือมีความเป็นกรดสูง เช่น น้ำมะนาวและน้ำส้มสายชู

    กระบวนการก่อมะเร็ง

    • BPA และ Phthalates รบกวนฮอร์โมน ส่งเสริมการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ และลดประสิทธิภาพการขับสารพิษของตับ
    • ไมโครพลาสติก สะสมในเลือด ตับ ไต ปอด และสมอง ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และนำพาสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
    • ผลกระทบโดยตรง กับมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก BPA กระตุ้นฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้เนื้อเยื่อมดลูกเจริญผิดปกติ ไมโครพลาสติกก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

    นอกจากนี้ ไมโครพลาสติกและสารพลาสติกยังเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น

    • ภาวะมีบุตรยากและความผิดปกติของทารกในครรภ์
    • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเพิ่มการอักเสบในร่างกาย
    • โรคไต ตับ และระบบประสาท
    • ปัญหาระบบทางเดินหายใจและโรคหัวใจ
    • ความผิดปกติของระบบเผาผลาญ เช่น โรคอ้วนและเบาหวาน

    วิธีลดความเสี่ยงจากไมโครพลาสติกและสารพลาสติก

    ดร.หลิว แนะนำแนวทางป้องกันดังนี้

    • ลดการใช้พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกใช้แล้วทิ้ง
    • หลีกเลี่ยงการใส่อาหารร้อนในถุงพลาสติกหรือกล่องพลาสติกที่ไม่ทนความร้อน
    • ใช้แก้วเซรามิกหรือแก้วแก้วแทนแก้วพลาสติก
    • หลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารในกล่องพลาสติก ควรใช้ภาชนะทนความร้อนเช่นแก้วหรือเซรามิก
    • ไม่ใช้ขวดน้ำพลาสติกซ้ำหลายครั้ง
    • ไม่ดื่มน้ำจากขวดพลาสติกที่เก็บในที่ร้อนหรือโดนแสงแดดนาน
    • เลือกรับประทานอาหารสด หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูปที่บรรจุในพลาสติก
    • ล้างอาหารให้สะอาดก่อนรับประทาน
    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ปลอด BPA และ Phthalates
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกระดาษใบเสร็จรับเงินที่มีสารพลาสติก
    • รับประทานอาหารที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ผักตระกูลกะหล่ำ (ช่วยล้างพิษตับ), เห็ด (เสริมภูมิคุ้มกัน), กระเทียมและหัวหอม (ต้านอักเสบ), และปลาไขมันสูง (ลดการอักเสบและปกป้องเซลล์)

    พฤติกรรมการใช้ภาชนะพลาสติกที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น มะเร็ง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และโรคเรื้อรังอื่น ๆ การหลีกเลี่ยงพลาสติกที่มีสารอันตรายและเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย สามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

  • KUBET – แม่เลี้ยงหลานอยู่บ้าน จู่ๆ หายตัวปริศนา ลูกเจออีกที “แต่งงานใหม่” เห็นเจ้าบ่าวแล้วอึ้ง

    แม่เลี้ยงหลานอยู่บ้าน จู่ๆ หายตัวไร้ร่องรอย ลูกช็อกเจออีกทีในโซเชียล “แต่งงานใหม่” รู้เจ้าบ่าวเป็นใครยิ่งอึ้ง

    หญิงชาวจีนจากมณฑลอานฮุยรายหนึ่งเผยว่า แม่ของเธอช่วยเลี้ยงหลานอยู่ที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในวันถัดมา ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอ จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเลื่อนดูวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตและต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าแม่ของตัวเองแต่งงานใหม่กับชายวัย 37 ปี ทำให้เธอช็อกหนักมาก ด้านแม่ของเธอเองก็ออกมาตอบโต้เรื่องนี้เช่นกัน

    ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์เหอหนาน หญิงรายนี้ นามสกุลหลี่ (李女士) จากเมืองปั๋วโจว (亳州) มณฑลอานฮุย เปิดเผยว่า ก่อนวันที่ 17 ธันวาคม 2024 แม่ของเธอยังอยู่บ้านช่วยน้องชายเลี้ยงลูก แต่หลังจากวันนั้น แม่ก็หายตัวไปโดยที่ลูกๆ ไม่มีใครสามารถติดต่อได้

    ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ต่อมา หลี่พบวิดีโอทางออนไลน์และเห็นว่าแม่ของเธอแต่งงานกับชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าสำหรับครอบครัว เธอกล่าวว่า “เราไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลย เขาเกิดปี 1988 อายุน้อยกว่าแม่ฉันถึง 11 ปี” และรู้สึกไม่พอใจที่เธอในฐานะลูกสาวกลับเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับรู้เรื่องนี้ จึงตัดสินใจไปหาแม่ถึงที่บ้าน

    เมื่อไปถึงบ้านใหม่ของแม่ หลี่ตะโกนเรียกแม่ของเธอและตำหนิสามีใหม่ของแม่ว่า “ให้แม่ฉันออกมา! ทำไมไม่ออกมา? นายซ่อนแม่ฉันไว้ทำไม?” อย่างไรก็ตาม แม่ของเธอปฏิเสธที่จะออกมาพบลูกๆ โดยตอบทางโทรศัพท์เพียงว่า “ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ฉันไม่อยากเจอพวกเธอ ไม่มีอะไรจะพูด และฉันก็ไม่ได้ติดค้างอะไรกับพวกเธอ”

    หลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่บนโซเชียล ก็เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยชาวเน็ตส่วนใหญ่แสดงความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า

    • “แม่หย่าแล้ว แต่งงานใหม่มันผิดตรงไหน? ดูจากคำพูดของลูกๆ แล้ว สนับสนุนแม่เลย”
    • “คุณยายช่วยเลี้ยงหลานเป็นเรื่องของน้ำใจ ไม่อยากช่วยก็ไปบังคับไม่ได้”
    • “ไม่เห็นแปลก ใครเป็นคนกำหนดว่าต้องช่วยเลี้ยงลูกให้ลูกหลาน?”
    • “ควรเคารพการตัดสินใจของแม่”
  • KUBET – บริษัทเบเกอรี่ดัง มาเฉลยเอง ควรเก็บ “ขนมปัง” ในตู้เย็นหรือไม่? ในที่สุดก็ได้รู้

    ยักษ์ใหญ่แห่งวงการขนมปังอังกฤษ เผย วิธีเก็บขนมปังให้อยู่ได้นานขึ้น ควรเก็บขนมปังในตู้เย็นหรือไม่? สงสัยมานาน ในที่สุดก็ได้รู้

    Warburtons ยักษ์ใหญ่แห่งวงการขนมปังอังกฤษ ได้ยุติข้อถกเถียงเรื่องการเก็บขนมปังว่าควรเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้กับข้าวอย่างชัดเจน

    แม้จะไม่ใช่ประเด็นร้อนแรงเหมือนข้อถกเถียงเรื่องการเก็บซอสมะเขือเทศที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ แต่เรื่องการเก็บขนมปังก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องพูดถึง

    ก่อนหน้านี้ Heinz ได้ออกมาเผยคำตอบชัดเจนเกี่ยวกับการเก็บซอสมะเขือเทศหลังเปิดใช้ว่าควรเก็บไว้ที่ไหน

    Warburtons ยักษ์ใหญ่แห่งวงการขนมปัง ได้เดินตามรอย Heinz ในการยุติข้อถกเถียงครั้งสำคัญ

    บริษัทขนมปังชื่อดังจากโบลตัน ซึ่งเคยสร้างกระแสไวรัลด้วยโฆษณาร่วมกับดาราฮอลลีวูดอย่างโรเบิร์ต เดอ นีโร, จอร์จ คลูนีย์ และซามูเอล แอล. แจ็คสัน ได้เข้ามาแสดงจุดยืนชัดเจนในประเด็นการเก็บขนมปัง

    Warburtons ประกาศเลือกข้างอย่างเต็มที่ว่า “ตู้กับข้าว” หรือ “ตู้เย็น” คือคำตอบ

    ข่าวร้ายสำหรับคนชอบเก็บขนมปังในตู้เย็น Warburtons แนะนำอย่างเป็นทางการว่าไม่ควรทำเช่นนั้น

    สาเหตุเพราะอุณหภูมิที่ต่ำจะเร่งให้ขนมปังแข็งตัวเร็วขึ้น

    “เราขอแนะนำให้เก็บผลิตภัณฑ์ไว้ในที่เย็น ห่างจากแสงและแหล่งความร้อน การแช่เย็นจะทำให้ขนมปังแข็งตัวเร็วกว่าเดิม” Warburtons ระบุบนเว็บไซต์

    จิลล์ ชาร์ลตัน หัวหน้าฝ่ายโภชนาการของบริษัท ยังได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเก็บขนมปังให้สดใหม่ยาวนานขึ้น

    ชาร์ลตัน กล่าวว่า Warburtons แนะนำให้ตรวจสอบวันที่ควรบริโภคก่อน ซึ่งระบุบนสติกเกอร์สีเหลือง หรือบนสายรัดพลาสติก

    “ขนมปังสามารถกินได้หลังวันที่ระบุไว้ แม้คุณภาพอาจไม่ดีที่สุดแล้วก็ตาม ผู้บริโภคควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีเชื้อราก่อนรับประทานเสมอ”

    Warburtons ยังแนะนำว่า หากต้องการเก็บขนมปังให้นานกว่าการเก็บในตู้ ควรแช่แข็งไว้

    การแช่แข็งขนมปังก่อนเสียช่วยลดปัญหาขยะอาหารและยังคงรักษาคุณภาพไว้ใกล้เคียงกับตอนที่แช่แข็งครั้งแรก อย่างไรก็ตาม Warburtons แนะนำว่าไม่ควรเก็บขนมปังในช่องแช่แข็งเกิน 12 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 เดือน

  • KUBET – ไม่ใช่หอยนางรม! นักโภชนาการแนะนำ 5 อาหาร “กินแล้วอยากมีเซ็กซ์” ที่ไทยมีครบ

    นักโภชนาการไต้หวัน แนะนำ 5 อาหารกระตุ้นอารมณ์ “กินแล้วอยากมีเซ็กซ์” ที่ไทยมีครบทุกอย่าง

    คุณและคู่ของคุณมีความรักร้อนแรงกันบ้างไหม? งานยุ่งจนกลับถึงบ้านก็แค่พับตัวนอนพัก ไม่มีอารมณ์เลยหรือ? นักโภชนาการ ลี่หว่านผิง ชาวไต้หวัน ได้แชร์ผ่านเฟซบุ๊กถึง “5 อาหารกระตุ้นอารมณ์” ที่ช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ “ให้คุณอยากมีเซ็กซ์ในตอนกลางคืน”

    โดยมีทั้ง “หน่อไม้ฝรั่ง” ที่ขึ้นชื่อในยุโรปและอเมริกาว่าเป็นยาช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ และยังช่วยเพิ่มความตื่นเต้น “แอปเปิ้ล” ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการทางเพศของผู้หญิง ส่วน “ปลาไหล” ก็ช่วยทำให้ทั้ง “เล็ก” และ “ใหญ่” แข็งแรงยิ่งขึ้น เธอแนะนำว่าไม่ต้องทานหอยนางรมหรือหอยอีกรอบ

    5 อาหารกระตุ้นอารมณ์ ที่ช่วยเพิ่มความรักและเสริมความสัมพันธ์ให้ร้อนแรงขึ้น มีดังนี้

    1. หน่อไม้ฝรั่ง: เป็นยาสมุนไพรธรรมชาติสำหรับเสริมสมรรถภาพทางเพศในยุโรปและอเมริกา อุดมไปด้วยกรดอะมิโนแอสพาร์ติก ช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าและยังมีวิตามิน B6 และโฟเลตที่ช่วยเพิ่มความตื่นเต้น

    2. แอปเปิ้ล: มีสารพอลีฟีนอลและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นทางเพศในผู้หญิงได้ดี

    3. เมล็ดฟักทอง: เมล็ดเล็กๆ นี้สามารถปกป้องต่อมลูกหมากของผู้ชาย และยังมีวิตามิน E สูง ช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ

    4. ช็อกโกแลต: มีทริปโตแฟน ช่วยกระตุ้นศูนย์ควบคุมความสุขในสมอง ทำให้รู้สึกมีความสุขทันทีที่กิน

    5. ปลาไหล: มีคุณสมบัติในการเสริมสมรรถภาพทางเพศ อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดและฟอสฟาทิดที่ช่วยเสริมพลังสมอง ช่วยทำให้ทั้ง “เล็ก” และ “ใหญ่” แข็งแรงขึ้น

  • KUBET – 5 อาชีพใหม่ยอดฮิต ของอดีต “มนุษย์เงินเดือน” ลาออกจากงานประจำ หันไปทำงานเหล่านี้

    5 อาชีพ ที่มนุษย์เงินเดือน ลาออกจากงานประจำ แล้วเปลี่ยนใจไปทำอาชีพเหล่านี้มากที่สุด

    ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว มีมนุษย์เงินเดือนจำนวนมากที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและหันไปทำอาชีพอื่นที่สามารถให้ความยืดหยุ่น ความพึงพอใจ หรือโอกาสในการเติบโตที่ดีกว่า บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 5 อาชีพที่คนลาออกจากงานประจำมาทำมากที่สุดในประเทศไทย พร้อมเหตุผลและข้อมูลเชิงสถิติจากการสำรวจ

    1. เจ้าของธุรกิจส่วนตัว (Entrepreneur)

    เหตุผล: การเป็นเจ้าของธุรกิจให้ความยืดหยุ่นในการทำงาน และสามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าการทำงานประจำได้หากธุรกิจประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ยังเป็นการทำงานที่สามารถบริหารจัดการเวลาตามความต้องการของตนเอง
    เสียงสะท้อน: “การทำงานประจำมีข้อจำกัดในด้านเวลาและการเติบโตทางการเงิน แต่การเป็นเจ้าของธุรกิจช่วยให้เรามีอิสระในการตัดสินใจและรายได้ที่ไม่จำกัด” สถิติ: จากการสำรวจโดยหอการค้าไทย (2565) พบว่า 35% ของคนที่ลาออกจากงานประจำหันมาทำธุรกิจส่วนตัว
    แหล่งอ้างอิง: หอการค้าไทย, รายงานการสำรวจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย (2565)

    2. ฟรีแลนซ์ (Freelancer)

    เหตุผล: การทำงานฟรีแลนซ์มอบอิสระในการเลือกเวลาทำงาน สถานที่ทำงาน และประเภทงานที่ต้องการรับผิดชอบ อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดจากการต้องทำงานประจำทุกวัน
    เสียงสะท้อน: “ฟรีแลนซ์ทำให้มีอิสระในการจัดสรรเวลาและเลือกงานที่ชอบ ซึ่งช่วยลดความเครียดได้มากเมื่อเทียบกับงานประจำ” สถิติ: สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2564) ระบุว่า 28% ของผู้ที่ลาออกจากงานประจำหันมาทำงานฟรีแลนซ์เต็มเวลา
    แหล่งอ้างอิง: สำนักงานสถิติแห่งชาติ, รายงานสำรวจอาชีพอิสระในประเทศไทย (2564)

    3. นักลงทุน (Investor)

    เหตุผล: การลงทุนในตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่นๆ กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีประสบการณ์การเงินหรือมีเงินทุนสำรอง การลงทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่างานประจำ และไม่จำเป็นต้องทำงานตามเวลาที่กำหนด
    เสียงสะท้อน: “การลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการทำงานประจำ และทำให้เราไม่ต้องผูกพันกับเวลาเหมือนงานปกติ” สถิติ: จากการสำรวจของสมาคมนักลงทุนไทย (2565) พบว่า 18% ของผู้ที่ลาออกจากงานประจำหันมาทำการลงทุนเต็มเวลา
    แหล่งอ้างอิง: สมาคมนักลงทุนไทย, รายงานการสำรวจนักลงทุนรายย่อย (2565)

    4. คอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator)

    เหตุผล: การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น YouTube, TikTok และ Instagram ทำให้การสร้างเนื้อหาออนไลน์กลายเป็นอาชีพที่มีโอกาสเติบโตสูง มีรายได้จากโฆษณา การสนับสนุนจากแบรนด์ และยอดผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้น
    เสียงสะท้อน: “งานครีเอเตอร์ทำให้เราสามารถทำในสิ่งที่รัก เช่น การทำวิดีโอ การเขียนบทความ และยังสามารถสร้างรายได้จากสิ่งที่ชอบ” สถิติ: การสำรวจจากสมาคมครีเอเตอร์ไทย (2565) ระบุว่า 15% ของคนที่ลาออกจากงานประจำมาทำงานเป็นครีเอเตอร์ออนไลน์
    แหล่งอ้างอิง: สมาคมครีเอเตอร์ไทย, การสำรวจสภาวะการสร้างเนื้อหาออนไลน์ (2565)

    5. ครูและติวเตอร์ (Teacher and Tutor)

    เหตุผล: หลายคนเลือกที่จะหันมาสอนพิเศษหรือเป็นครู เพราะสามารถปรับสมดุลชีวิตการทำงานกับการใช้ชีวิตส่วนตัวได้ดีกว่า อีกทั้งงานด้านการสอนยังสามารถสร้างรายได้ที่ดีและยั่งยืนจากการสอนทั้งออนไลน์และออฟไลน์
    เสียงสะท้อน: “การเป็นติวเตอร์ทำให้เรามีเวลายืดหยุ่น และยังได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบ ทำให้มีความสุขมากกว่าการทำงานประจำ” สถิติ: จากการสำรวจของกระทรวงศึกษาธิการ (2565) พบว่า 20% ของคนที่ลาออกจากงานประจำหันมาเป็นครูหรือสอนพิเศษ
    แหล่งอ้างอิง: กระทรวงศึกษาธิการ, การสำรวจแนวโน้มอาชีพครูและติวเตอร์ในประเทศไทย (2565)

    อ้างอิง:
    หอการค้าไทย. (2565). รายงานการสำรวจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย
    สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2564). รายงานสำรวจอาชีพอิสระในประเทศไทย.
    สมาคมนักลงทุนไทย. (2565). รายงานการสำรวจนักลงทุนรายย่อย.
    สมาคมครีเอเตอร์ไทย. (2565). การสำรวจสภาวะการสร้างเนื้อหาออนไลน์.
    กระทรวงศึกษาธิการ. (2565). การสำรวจแนวโน้มอาชีพครูและติวเตอร์ในประเทศไทย
  • KUBET – เปิดผลวิจัย “แก้วมังกร” ผลไม้ต้านมะเร็ง แทบทุกคนกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ

    เปิดผลวิจัยจากเกาหลี “แก้วมังกร” ผลไม้ต้านมะเร็ง หลายคนยังกินผิดวิธี ทิ้งส่วนที่มีประโยชน์ไปเฉยๆ

    แก้วมังกร อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โพลีฟีนอล และแอนโทไซยานิน จึงเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ช่วยในเรื่องความงามและการลดน้ำหนัก

    ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมูลนิธิต่อต้านมะเร็งระบุว่า แก้วมังกรเนื้อแดงมีปริมาณแอนโทไซยานินสูงกว่าผลเชอร์รี่ถึง 15 เท่า และมากกว่าการองุ่นแดงถึง 28 เท่า ทำให้มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าผลไม้อื่น ๆ

    โดยปกติแล้ว แก้วมังกรสามารถรับประทานได้ทั้งเมล็ด ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินอี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย ส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญคอเลสเตอรอล และช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ

    อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกส่วนที่มีประโยชน์ทางโภชนาการสูงและสามารถรับประทานได้ ซึ่งก็คือเปลือกของแก้วมังกร

    ประโยชน์ของเปลือกแก้วมังกร

    นอกจากเนื้อและเมล็ดแล้ว เปลือกแก้วมังกรยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง หลายคนมักปอกเปลือกแล้วทิ้ง ซึ่งนับว่าน่าเสียดาย

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน วารสารวิทยาศาสตร์อาหารเกาหลี ระบุว่า เปลือกแก้วมังกรมีปริมาณฟีนอล แอนโทไซยานิน และฟลาโวนอล ไกลโคไซด์ มากกว่าเนื้อแก้วมังกรถึง 3-5 เท่า และยังมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเนื้อแก้วมังกร

    นักวิจัยแนะนำว่า เมื่อปอกเปลือกแก้วมังกร ไม่จำเป็นต้องปอกลึกเกินไป การเหลือชั้นเปลือกบาง ๆ ไว้ติดกับเนื้อจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้ เปลือกแก้วมังกรที่ปอกออกไปยังสามารถนำไปปรุงอาหารได้อีกด้วย

    การศึกษายังพบว่า เปลือกแก้วมังกรเนื้อขาวมีคุณสมบัติในการยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าเปลือกแก้วมังกรเนื้อแดง ขณะที่เปลือกแก้วมังกรเนื้อแดงมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเปลือกแก้วมังกรเนื้อขาว

    วิธีรับประทานเปลือกแก้วมังกร

    ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและมูลนิธิดูแลผู้ป่วยมะเร็งของจีนแนะนำว่า เปลือกแก้วมังกรอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์ และสามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหารได้ วิธีรับประทาน เช่น

    • ตัดส่วนหนามออก และใช้ส่วนที่อ่อนของเปลือกแก้วมังกรมาผัดกับเนื้อสัตว์ เช่น ผัดกับหมู หรือใส่ในเมนูหมูเปรี้ยวหวาน ซึ่งช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
    • นำเปลือกแก้วมังกรมาปั่นรวมกับนมถั่วเหลืองหรือกับนมสด ทำเป็นสมูทตี้ ซึ่งให้สารต้านอนุมูลอิสระและโปรตีน เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

    สรุป เปลือกแก้วมังกรเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์สูง โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านมะเร็ง หากนำมาใช้ให้ถูกวิธี นอกจากจะช่วยลดของเสียจากอาหาร ยังสามารถช่วยเพิ่มประโยชน์ต่อสุขภาพได้อีกด้วย

    “แก้วมังกรเนื้อขาว” กับ “แก้วมังกรเนื้อแดง” ต่างกันอย่างไร กินแบบไหนดีกว่า

  • KUBET – “มาช่า” ไม่อยากลงภาพใน รพ. คิดถึงวันวานศิลปินยุค 90 ช่ากำลังจะเสียคนที่รัก

    ทำเอาแฟนๆ แอบเป็นห่วงกันไม่น้อย เมื่อนักร้องเสียงเอกลักษณ์ มาช่า วัฒนพานิช ได้โพสต์รูปภาพเก่าๆ ในวันวาน ร่วมกับศิลปินระดับตำนานยุค 90 หลากหลายคนที่สนิทและเคยร่วมงานด้วย

    ไม่ว่าจะเป็น บอย ถกลเกียรติ, แอมป์ เสาวลักษณ์, คริสติน่า อากีล่าร์, ทาทา ยัง, หนูแหม่ม สุริวิภา เป็นต้น

    พร้อมเขียนแคปชั่นสุดเศร้าเอาไว้ว่า “ชีวิตผ่านไปทุกวัน วันนี้พี่เอาภาพเหล่านี้มาลงคิดถึงเวลานั้นๆ พี่ช่ากำลังจะเสียคนที่ช่ารัก”

    “พี่ช่ารักมากๆ ไม่อยากลงภาพในโรงพยาบาล ขอโทษที … มันเศร้าเกินรับไหว ไม่อยากให้เกิดขี้นเลย……………. ลงภาพดีดี ที่ผ่านมาแทนละกัน…. คิดถึงเวลาที่ผ่านไป #marshairis”

    งานนี้เรียกว่ากำลังใจจากแฟนๆ ต่างส่งเข้ามาให้ มาช่า ล้นหลามเลยทีเดียว